วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความสำคัญของคอมพิวเตอร์

ความสําคัญของคอมพิวเตอร์


     ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมนุษย์มากขึ้น คอมพิวเตอร์มีบทบาทในทุกวงการอาชีพ ซึ่งจะพบได้ว่าธุรกิจ ต่าง ๆ ได้นำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยดำเนินงาน และให้บริการลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวก และเกิดความคล่องตัวในการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

     คอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสามารถในการ แปลคำสั่งในโปรแกรม และทำงานตามคำสั่งนั้นๆ ซึ่งเกี่ยวข้อง กับการ รับข้อมูลนำเข้า การคำนวณ การปฏิบัติการทางตรรกะ และการสร้างผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ


     หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ ที่มีความสำคัญมากที่สุด ของฮาร์ดแวร์เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์อินพุต ตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยส่วนประสำคัญ 3 ส่วน คือ

1. หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit : ALU)
หน่วยคำนวณตรรกะ ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องคำนวณอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทำงานเกี่ยวข้องกับ การคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร นอกจากนี้หน่วยคำนวณและตรรกะของคอมพิวเตอร์ ยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่เครื่องคำนวณธรรมดาไม่มี คือ ความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึง ความสามารถในการเปรียบเทียบตามเงื่อนไข และกฏเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้ได้คำตอบออกมาว่าเงื่อนไข นั้นเป็น จริง หรือ เท็จ เช่น เปรียบเทียบมากว่า น้อยกว่า เท่ากัน ไม่เท่ากัน ของจำนวน 2 จำนวน เป็นต้น ซึ่งการเปรียบเทียบนี้มักจะใช้ในการเลือกทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำตามคำสั่งใดของโปรแกรมเป็น คําสั่งต่อไป

2. หน่วยควบคุม (Control Unit)
หน่วยควบคุมทำหน้าที่คงบคุมลำดับขั้นตอนการการประมวลผลและการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน หน่วยประมวลผลกลาง และรวมไปถึงการประสานงานในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยประมวลผลกลาง กับอุปกรณ์นำเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และหน่วยความจำสำรองด้วย เมื่อผู้ใช้ต้องการประมวลผล ตามชุดคำสั่งใด ผู้ใช้จะต้องส่งข้อมูลและชุดคำสั่งนั้น ๆ เข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์เสียก่อน โดยข้อมูล และชุดคำสั่งดังกล่าวจะถูกนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลักก่อน จากนั้นหน่วยควบคุมจะดึงคำสั่งจาก ชุดคำสั่งที่มีอยู่ในหน่วยความจำหลักออกมาทีละคำสั่งเพื่อทำการแปล ความหมายว่าคำสั่งดังกล่าวสั่งให้ ฮาร์ดแวร์ส่วนใด ทำงานอะไรกับข้อมูลตัวใด เมื่อทราบความหมายของ คำสั่งนั้นแล้ว หน่วยควบคุมก็จะส่ง สัญญาณคำสั่งไปยังฮาร์แวร์ ส่วนที่ทำหน้าที่ ในการประมวลผลดังกล่าว ให้ทำตามคำสั่งนั้น ๆ เช่น ถ้าคำสั่ง ที่เข้ามานั้นเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการคำนวณ หน่วยควบคุมจะส่งสัญญาณ คำสั่งไปยังหน่วยคำนวณและตรรกะ ให้ทำงาน หน่วยคำนวณและตรรกะก็จะไปทำการดึงข้อมูลจาก หน่วยความจำหลักเข้ามาประมวลผล ตามคำสั่งแล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปแสดงยังอุปกรณ์แสดงผล หน่วยคงบคุมจึงจะส่งสัญญาณคำสั่งไปยัง อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ ที่กำหนดให้ดึงข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก ออกไปแสดงให้เห็นผลลัพธ์ดังกล่าว อีกต่อหนึ่ง



3. หน่วยความจำหลัก (Main Memory)
คอมพิวเตอร์จะสามารถทำงานได้เมื่อมีข้อมูล และชุดคำสั่งที่ใช้ในการประมวลผลอยู่ในหน่วยความ จำหลักเรียบร้อยแล้วเท่านั้น และหลักจากทำการประมวลผลข้อมูลตามชุดคำสั่งเรียบร้อบแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ จะถูกนำไปเก็บไว้ที่หน่วยความจำหลัก และก่อนจะถูกนำออกไปแสดงที่อุปกรณ์แสดงผล



5 วิธีการรักษาคอมพิวเตอร์

1. Scan Disk รักษา Bad Sector

     หลายคนอาจจะสงสัยหรืออาจจะคุ้นหรืออาจจะไม่รู้จักเจ้ าสแกนดิสก์เลยนะครับเราจะอธิบายกันก่อน Scan Diskก็คือตัวรักษาย่อยที่มีอยู่ทุกวินโดวตั้งแต่ Windows 95 มาจนถึง Windows Vista เลยนะครับซึ่งนับว่าเป็นความยาวนานของโปรแกรม Scan Disk ที่ฝังมาใน Windows ต่างๆ แต่ละเวอร์ชั่นเลยทีเดียว Scan Disk เป็นโปรแกรมรักษาฮาร์ดดิสก์นะครับแก้ไขไฟล์ต่างๆ ที่เสียให้กลับมาดีได้เป็นบางไฟล์รักษา Bad Sector ของฮาร์ดดิสก์

     วิธีการรักษาทำได้ดังนี้
1. เข้าไปที่ My Computer
2. คลิ๊กขวาที่ไดรว์ที่เราต้องการเลือกจะ Scan
3. สังเกตุแถบด้านบนให้เลือกที่แถบ Tools
4. จะพบว่ามีเมนูที่ชื่อว่า Check Now ... คลิ๊กเข้าไป
5. จะมีคำสั่งให้ติ๊กถูกสองช่องคือ
5.1 Scan รักษาไฟล์ที่เสียบางไฟล์ (ไม่สามารถใช้ได้กับไดรว์ที่ลง Windows)
5.2 Scan รักษา Bad Sector ของฮาร์ดดิสก์
เลือกแล้วก็กด Scan Now ...
*หมายเหตุ : ไม่แนะนำให้ทำทั้งสองอย่างในการสแกนครั้งเดียว และ ตอนสแกนห้ามเปิดโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น



2. Defragment Harddisk
     หลายคนอาจจะงงว่าอะไรคือ Defragment Defragment คือการจัดเรียงข้อมูลที่ระเกะระกะของ Hard disk ที่กระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบสามารถจัดให้เป็นระเบียบได ้วิธีนี้จะทำให้เครื่องของเราเร็วแรงขึ้นและรักษาอาย ุการใช้งานของฮาร์ดดิสก์ได้ จัดเรียงข้อมูลบางคนอาจจะเข้าใจผิดว่า เอ้ย! เดี๋ยวมันอาจจะย้ายไฟล์สำคัญของเราก็ได้อย่าทำดีกว่าอย่าเข้าใจผิดนะครับมันจะไม่ย้ายไฟล์สำคัญของคุณแต่อ ย่างใดดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ได้เลย ...

     วิธีรักษาสามารถทำได้ดังนี้
1. เข้าไปที่ My Computer
2. Click ขวาที่ Drive ที่เราต้องการ Defragment
3. สังเกตุด้านบนจะพบแถบ Tools คลิ๊กเข้าไป ...
4. ดูบรรทัดที่สองจะเห็นเมนูที่ชื่อว่า Defragment Now ... คลิ๊กเข้าไป
5. เลือกไดรว์ที่ต้องการทำแล้วกด Defragment
6. รอจนการทำงานจะเสร็จสิ้น
*หมายเหตุ : ไม่ควรเปิดโปรแกรมใดๆ ในระหว่างสแกนอย่าปิด หรือ Restart คอมฯ ระหว่างการสแกนมิฉะนั้นคอมฯ คุณอาจจะเสียได้


3. ลบขยะที่แสนจะไร้สาระรกเปล่า ๆ ออกไป
     ขยะในคอมพิวเตอร์เรามิใช่หมายถึงไฟล์ที่คุณลบแล้วอยู ่ใน Recycle Bin อย่างเดียวไฟล์ขยะยังมาจากไฟล์ที่เป็นขยะบนฮาร์ดดิสก์ดังนั้นเราควรจะลบมันออกไปซะ

     วิธีการรักษาสามารถทำได้ดังนี้
1. ไปที่เมนู Start ด้านล่าง Toolbar
2. ไปที่ All programs ...
3. Accessories ...
4. System Tools ...
5. แล้วคลิ๊กที่ Disk Cleanup
6. เลือกไดรว์ที่ต้องการลบขยะ
7. กด Ok
8. รอจนจบการลบ ...
*หมายเหตุ : ไม่ควรใช้โปรแกรมที่มีการ Save งาน หรือ Internet Explorer


4. Scan Virus ให้สิ้นซาก
     Virus เป็นโปรแกรมเล็กที่ชั่วร้ายสามารถเติบโตจนกลืนกิน Windows ทั้งหมดได้เลย Virus จึงพัฒนาตัวเองได้ตลอดเราจะไม่รู้เลยนะครับว่า Virus เข้ามายังไงส่วนใหญ่ไวรัสจะมาจาก Flash Drive , USB กล้องดิจิตอล , Card Reader อุปกรณ์ทุกชนิดมีการบันทึกข้อมูลนะครับทำให้เราต้องระวังเป็นพิเศษเวลาทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลวิธีการรักษา ให้เราไปหาโปรแกรมสแกนไวรัสที่เราคิดว่าไว้ใจได้มาสแกนมันซะแ ต่ที่ผมแนะนำจะมีอยู่ 2 โปรแกรมนะครับ
     1. NOD32 Antivirus
     2. Kaspersky Antivirus
สองโปรแกรมนี้จะทำให้ Virus ของคุณหายไปได้ง่ายๆ เลยนะครับไม่ต้องเป็นห่วง + กับการป้องกันอย่างสุดยอดที่ไวรัสไม่กล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว



5. Spyware ออกไปซะเหอะ
     หลังจากที่เราเอา virus ออกไปได้แล้วอีกตัวนึงที่เป็นญาติกับ Virus ซึ่งก็คือ "Spyware" Spyware เป็นโปรแกรมตัวนึงที่มีการทำงานคล้ายๆ ไวรัสแต่ไม่ได้ซะทั้งหมดสปายแวร์จะนำโปรแกรมที่น่ารำ คาญอย่างเช่น Banner โฆษณาโปรแกรมที่เด้งออกเวลาเราไม่ต้องใช้พวกนี้คือ Spyware วิธีกำจัดมันให้เราไปโหลด หรือ ซื้อโปรแกรมสแกน Spyware ยี่ห้อต่างๆที่เราเชื่อถือที่ผมแนะนำคือ
     1. Ad - Aware 2007
     2. SpyDoctor
สองโปรแกรมนี้จะเป็นโล่กำบังชั้นดีที่ Spyware ไม่กล้าเข้าใกล้คอมพิวเตอร์ของท่านเลย

วิธีการใช้คอมพิวเตอร์

           ปัจจุบัน "คอมพิวเตอร์" กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่คนทำงานอย่างเราไม่ใช้ ไม่ได้แล้ว ดังนั้นควรรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์อย่างถูกต้องด้วย เริ่มจากแสงสว่างจากตัวคอมพิวเตอร์สามารถปรับให้เหมาะสมกับดวงตาได้ จะปรับขนาดไหนไม่มีข้อกำหนด เพียงแต่จัดแสงให้ตาเรารู้สึกสบาย และ จะใช้สกรีนติดหน้าจอเพื่อลดความจ้าของแสงก็ได้ หรือลดแสงแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีน้อยมากจากจอ และสกรีนเหล่านี้ ก็มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ส่วนการป้องกันไม่ให้ตาเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ หลังปวด หรือแสบตา ก็ควรนั่งในท่าที่เหมาะสม และห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นิ้ว สกรีน คอมพิวเตอร์ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20-26 องศาจัดเอกสารที่ต้องใช้ดูประกอบไว้ใกล้กับจอเครื่องคอมพิวเตอร์ จะได้ลดการส่ายศีรษะไปมามาก และลดการเปลี่ยนระยะการดูของตา ในระยะที่ต่างกันมากอย่าให้มีฝุ่นเกาะจอคอมพิวเตอร์ ควรทำความสะอาดเสมอ พักสายตา พักอิริยาบถทุก ๆ 20 นาที เพื่อป้องกันตาเมื่อย กะพริบตาบ้าง ถ้ารู้สึกแสบตา หรือใช้น้ำตาเทียมหยดเป็นครั้งคราว จอภาพคอมพิวเตอร์ต้องโฟกัสชัดเจน ตัวหนังสือ ภาพในจอให้ปรับให้ชัดเสมอ ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี และจำเป็นต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ ควรใช้แว่นอ่านหนังสือที่เหมาะสม และไม่ควรใช้แว่น 2 ชั้น หรือแว่นไม่มีชั้น เพราะจะทำให้ต้องเงยหน้าอ่านข้อความในจอตลอด ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ปวดต้นคอเพิ่มขึ้นอีก
จะใช้คอมพิวเตอร์ครั้งต่อไปก็อย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้